ทรรปณะนครปฐม : คำขวัญเล่าเมือง
นิทรรศการวิชาการออนไลน์
ที่ถ่ายทอดเรื่องราว ประวัติความเป็นมา วิถีชีวิต
และวัฒนธรรมของจังหวัดนครปฐม
ผ่านคำขวัญจังหวัดนครปฐม
ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม
ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น
พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า
สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน
จัดทำโดยนักศึกษารุ่น 65/1 คณะครุศาสตร์
สาขาวิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา
“นครปฐม เมืองแห่งรสชาติ
     และเสน่ห์ไม่ลืมเลือน”
Visitor
Counter
Today : 00493
ALL : 03544
Online : 00005
ระดับความพึงพอใจของท่าน
ต่อการชมนิทรรศการ
จำนวนผู้ทำแบบสอบถาม
238
คะแนนเฉลี่ย
4.91
ประวัติ
คำขวัญ
การวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์ พัฒนาการ
และการเปลี่ยนแปลงของคำขวัญจังหวัดนครปฐม
บทนำ
สาระสำคัญและที่มาของคำขวัญประจำจังหวัด
     คำขวัญประจำจังหวัดเป็นถ้อยคำหรือข้อความที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต เพื่อสะท้อน อัตลักษณ์และความภาคภูมิใจของท้องถิ่น ในฐานะเครื่องมือสื่อสาร เชิงสัญลักษณ์ คำขวัญมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในพื้นที่ไปพร้อมกัน

     การเกิดคำขวัญประจำจังหวัด เป็นนโยบายของรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ใน พ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Year) โดยมุ่งเน้น การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมีกิจกรรมเกี่ยวกับการ ท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้เดินทางไป ท่องเที่ยว มีส่วนร่วมเป็นประสบการณ์ตรงก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในแต่ละท้องถิ่น โดยกำหนดให้ทุกจังหวัดคิดคำขวัญของตนเองขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่าน สื่อมวลชน ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงคำขวัญของจังหวัดตามบริบทของสังคมและ เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป (เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลตะวันตกหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2568)

     จากการสัมภาษณ์ อาจารย์สัญญา สุดล้ำเลิศ ข้าราชการบำนาญ กล่าวว่า คำขวัญประจำจังหวัดมีจุดเริ่มต้นจากการสื่อสารในชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น การกล่าวอ้างถึงสิ่งของหรือผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของแต่ละพื้นที่ในลักษณะปากต่อปาก เช่น “ไปนครปฐมอย่าลืมซื้อข้าวหลาม” หรือ “ไปสุพรรณอย่าลืมซื้อขนมสาลี่” ต่อมาหน่วยงานภาครัฐได้เล็งเห็นว่าคำกล่าวเหล่านี้สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ และของดีประจำท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน จึงนำมาพัฒนาเป็นคำขวัญประจำจังหวัด เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์เชิงอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่
ภาพ : พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ที่มา : https://www.ratthaburutfoundation.com/general-history/
ภาพ : ภาพเก่าองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม
ที่มา : หอจดหมายเหตุ

     เมืองนครปฐมโบราณที่สำคัญ คือ เมืองนครชัยศรี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัด นครปฐมปัจจุบันไปทางทิศตะวันออก 2 กิโลเมตร ชื่อเมืองโบราณของนครปฐมนั้น เรียกว่า นครไชยสิน นครชัยศรี หรือเมืองพระประโทณ จากการสำรวจศึกษาพบ ร่องรอยของโบราณสถานจำนวนมาก ภายในเมืองนครชัยศรีหรือเมืองนครปฐม โบราณ มีโบราณสถานสำคัญ 2 แห่ง คือ พระประโทณเจดีย์ กับจุลประโทณเจดีย์ นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานซึ่งอยู่นอกเมือง คือ วัดพระเมรุ พระปฐมเจดีย์ วัดพระงามวัดธรรมศาลา และวัดดอนยายหอม

     ที่มาของชื่อทวารวดีปรากฏในเอกสารจีน จากบันทึกของ ภิกษุเหี้ยนจัง (Hien Tsiang) และภิกษุอี้จิง (I-Tsing) ซึ่งได้เดินทางจากจีนไปอินเดีย ได้กล่าวถึงแคว้นโตโลโปตี (To Lo Po Ti)คือทวารวดี ซึ่งศรีศักร วัลลิโภดม ได้ให้ความหมายของทวารวดี ไว้ 3 ประการ คือ
  1. หมายถึงรัฐ
  2. เป็นชื่อเรียกสมัยหรือช่วงเวลาประมาณพุทธศตรรษที่ 12 - 17
    (บางแห่งระบุช่วงสมัย ประมาณพุทธศตวรรรษที่ 11 - 16)
  3. เป็นชื่อรูปแบบของศิลปกรรม
     เมืองโบราณสมัยทวารวดีกระจายอยู่ทุกภาคของประเทศไทยที่รู้จักกันดี ได้แก่ เมืองกำแพงแสน เมืองอู่ทอง เมืองนครชัยศรี เมืองคูบัว เมืองศรีมโหสถ และเมืองศรีเทพ เป็นต้น เมืองเหล่านี้ดำรงความเป็นอิสระ ปกครองโดยผู้นำของตน แต่ละเมืองไม่มีความเป็นเอกเทศจะมีเมืองที่ทรงอิทธิพลเหนือกว่าครอบงำเมืองที่ ด้อยกว่า จนเกิดเป็นกลุ่มเมืองหรือแว่นแคว้นได้ ซึ่งอาจเกิดจากสัมพันธ์ทางเครือญาติ หรือความสัมพันธ์ทางการค้า
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 56-57, 2563)
ภาพ : ภาพเก่าองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
ภาพ : ภาพผังเมืองโบราณสมัยทวารวดี
ที่มา : https://lek-prapai.org/home/view.php?id=487
เมืองนครปฐม
สมัยสุโขทัย

     ในสมัยสุโขทัยไม่ปรากฏชื่อนครปฐม แต่จากจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 หรือจารึก วัดศรีชุม กล่าวถึงพระเถระ ที่สืบสายจากพ่อขุนผาเมือง ชื่อพระศรีศรัทธา ราชจุฬามุนี ได้ออกบวชและจาริก แสวงบุญไปยังลังกาด้วยบุญบารมีกษัตริย์ ลังกา ถวายสมณศักดิ์เสมอด้วยสังฆราชเป็นสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธา ราชจุฬามุนี ศรีรัตนลังกาทีปมหาสามี
     สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาเดินทางออกจากดินแดนประเทศไทยไป ลังกาเมื่อ พ.ศ. 1873 และเดินทางกลับมาเมื่อราว พ.ศ. 1881 - 1893 โดยเดินทางผ่านเข้ามาทางตะนาวศรี เพชรบุรี ราชบุรี และกล่าวถึง นครพระกฤษณ์ ซึ่งนักวิชาการตีความว่า หมายถึงเมืองนครปฐมโบราณหรือเมืองนครชัยศรี และได้ประกอบกุศลที่สำคัญ คือ การบูรณะพระมหาเจดีย์ ซึ่งประดิษฐาน อยู่กึ่งกลางพระนครเรียกว่า พระธม และยังได้นำพระพุทธรูปศิลาเก่าที่หักพัง อยู่หลายองค์มาซ่อมแซมให้สมบูรณ์อีกด้วย

     เมืองนครปฐมโบราณในสมัยสุโขทัยมีฐานะเป็นเมืองอยู่ใต้การปกครอง ของสุโขทัย และยังให้ ความสำคัญของเมืองนี้สังเกตได้จากการบูรณะ มหาเจดีย์และซ่อมแซมพระพุทธรูปดังปรากฏ ในศิลาจารึกวัดศรีชุม
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 59-60, 2563)
ภาพ : เมืองนครปฐมสมัยสุโขทัย
ที่มา : http://tolopoti.npru.ac.th/page.php?id=2-1
เมืองนครปฐม
สมัยอยุธยา

     ต่อมาในสมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เวลานั้นพม่ายกทัพมา โจมตีอยุธยา หลายครั้ง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้รวมพื้นที่เมือง 3 เมือง ขึ้นเป็นเมืองและตั้งชื่อตาม เมืองโบราณว่า เมืองนครชัยศรี เมื่อ พ.ศ. 2091

     เมืองนครชัยศรีตั้งขึ้นเพราะการรุกรานของพม่าจึงได้เตรียมการระดมไพร่พล เพื่อรับศึก และควบคุมไพรไม่ให้หลบหนี นอกจากนี้การรวมเข้าเป็นเมืองนครชัยศรี ดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดย่านการค้า นำสินค้าจากเมืองต่าง ๆ ล่องไปขายบริเวณ ปากอ่าว และรับสินค้าจากภายนอกเข้ามาขาย อาจกล่าวได้ว่าการตั้งเมืองนครชัยศรี จึงหวังประโยชน์ทั้งด้านการป้องกันข้าศึกและการค้าขาย

     เมืองนครชัยศรีตั้งขึ้นใหม่ในสมัยอยุธยาเป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรี โดยอยู่ห่างจากเมืองนครชัยศรีเดิมไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 10 กิโลเมตร และตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำสำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีคูคลองหลายสายเชื่อมต่อกับอยุธยาและตัวเมืองนครชัยศรี เช่น คลองโยง คลองบางเชือกหนังที่เชื่อมแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นดิน บริเวณนี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกอีกทั้งยังเป็นชุมชนทางการค้า และด้วยเหตุที่มีป่าไม้หนาแน่นเมืองนครชัยศรีจึงเป็นแหล่งจับช้างที่สำคัญแหล่งหนึ่ง ดังปรากฏชื่อตำบลในอำเภอนครชัยศรีปัจจุบันคือ ตำบลเพนียด
ภาพ : รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ที่มา : https://historyofthethaination.blogspot.com/2017/10/blog-post_31.html
ภาพ : ภาพเก่าแม่น้ำท่าจีน
ที่มา : หอจดหมายเหตุ
เมืองนครปฐม
สมัยธนบุรี

     สมัยธนบุรี เมืองนครชัยศรีมีความสำคัญด้านการสงคราม เนื่องจากอยู่ใน เส้นทางเดินทัพของพม่า โดยเส้นทางเดินทัพของพม่าด้านทิศตะวันตกจะใช้เส้น ทางเมืองราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเมืองนครชัยศรี ผู้ครองเมือง นครชัยศรีเป็นผู้มีความสามารถในการรบ

     สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ยกฐานะเจ้าเมืองเป็นพระยานครชัยศรี และได้ร่วมสงครามในครั้งสำคัญ เช่น ครั้งศึกอะแซหวุ่นกี้ ใน พ.ศ. 2318 ทัพหลวง ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยกขึ้นไปตั้งที่ปากน้ำพิง โปรดให้พระยานครชัยศรี ซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์ประทับช้าง ยกทัพไปช่วยราชการทัพหลวง

     ต่อมาในสมัยธนบุรีเกิดภาวะขาดแคลนข้าว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรด ให้ขุนนางควบคุมไพร่ออกไปบุกเบิกพื้นที่ทั่วบริเวณรอบ ๆ กรุงธนบุรี รวมทั้งบริเวณ เมืองนครชัยศรีด้วย

     ดังนั้น แม้ว่าเมืองนครชัยศรีในสมัยธนบุรีจะเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่นับว่าเป็นเมือง ที่มีบทบาทมากขึ้นทั้งทางด้านการสงคราม และเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 60-61, 2563)
ภาพ : เมืองนครปฐมสมัยธนบุรี
ที่มา : หอจดหมายเหตุเเห่งชาติ
เมืองนครปฐม
สมัยรัตนโกสินทร์

     ในสมัยรัตนโกสินทร์ เมืองนครชัยศรีได้มีพัฒนาการหลายอย่างทั้งด้าน การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม ในสมัยนี้ไทยเริ่มติดต่อทำสัมพันธไมตรีค้าขาย กับชาวตะวันตกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) อังกฤษได้แต่งตั้งนายจอห์น ครอเฟิร์ด (John Crawfurd) เข้ามาเจรจา ติดต่อทาง การค้าแต่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางอย่าง

     ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) อังกฤษ ได้ส่ง ร้อยเอก เฮนรี เบอร์นีย์ (Captain Henry Burney) เข้ามาเจรจาทางการค้า จนสามารถร่างสนธิสัญญาร่วมกันได้ เมื่อ พ.ศ. 2367 เรียกว่า สนธิสัญญาเบอร์นีย์

     ส่วนบริเวณเมืองนครชัยศรี มีการตั้งโรงงานน้ำตาลทรายขึ้นเป็นจำนวนมาก อุตสาหกรรมน้ำตาลทรายเจริญมากในเมืองนี้ เนื่องจากแหล่งปลูกอ้อยและโรงงาน น้ำตาลทรายอยู่บริเวณเดียวกัน คือริมแม่น้ำท่าจีน การขนส่งอ้อยเข้าโรงงานและ ส่งน้ำตาลทรายเข้ากรุงเทพฯ ทำได้สะดวก เพราะมีคลองเชื่อมหลายสาย ประกอบ กับดินในบริเวณเมืองนครชัยศรีเป็นดินเหนียวปนทราย ปลูกอ้อยได้ดี และได้อาศัย น้ำจากแม่น้ำในการปลูกอ้อยนอกเหนือจากน้ำฝน ส่วนด้านแรงงานซึ่งส่วนมาก เป็นชาวจีน เนื่องจากเมืองนครชัยศรีอยู่ไม่ไกลจากทะเลนัก ชาวจีนสามารถอพยพ เข้ามาเป็นกรรมกรในโรงงานได้ง่าย ทั้งมาจากกรุงเทพฯ และมาจากสมุทรสาคร
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 62-64, 2563)
ภาพ : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2)
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
ภาพ : ภาพสมัยก่อนองค์พระปฐมเจดีย์
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
การก่อสร้างองค์
พระปฐมเจดีย์

     การก่อสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เป็นผลให้เมืองนครปฐมพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้าง องค์พระปฐมเจดีย์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2396 โดยสร้างครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ แล้วเสร็จใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ดำเนินการก่อสร้าง องค์พระปฐมเจดีย์ รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างวังปฐมนครทางทิศตะวันออกใกล้กับ องค์พระปฐมเจดีย์เป็นที่ประทับเวลาเสด็จมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ อีกทั้ง ยังโปรดให้ขุดคลองเจดีย์บูชาขึ้นในระยะเวลาใกล้ ๆ กับการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ ระยะทางจากแม่น้ำท่าจีนไปจนถึงองค์พระปฐมเจดีย์ จุดประสงค์เพื่อขนส่งอุปกรณ์ ในการก่อสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ และเป็นเส้นทางสัญจร นอกจากนี้ยังเป็นการ เปิดพื้นที่ทำนาบริเวณสองข้างคลองด้วย

     คลองอีกสายหนึ่งที่โปรดให้ขุดขึ้นคือ คลองมหาสวัสดิ์ คลองสายนี้ขุดใน พ.ศ. 2403 ชุดตั้งแต่วัดชัยพฤกษ์มาลา ไปออกแม่น้ำท่าจีนที่บ้านงิ้วราย ดังนั้น คลองมหาสวัสดิ์ กับคลองเจดีย์บูชาจึงเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองนครปฐม โดยมีแม่น้ำท่าจีนเป็นตัวเชื่อม คลองมหาสวัสดิ์นอกจากจะเป็นเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปนครปฐมแล้ว รัชกาลที่ 4 มีพระราชประสงค์พระราชทานที่ดินข้างคลองแก่ พระราชโอรส พระราชธิดา เนื้อที่ริมคลองสองสายสามารถบุกเบิกที่นาได้จำนวนมาก โดยคลองเจดีบูชาขยายที่นาได้ 26,940 ไร่ ส่วนคลองมหาสวัสดิ์ขยายที่นาได้ 21,882 ไร่
ภาพ : ภาพสมัยก่อนองค์พระปฐมเจดีย์
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
การจัดตั้ง
มณฑลนครชัยศรี

     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้เปลี่ยนแปลง การปกครองส่วนภูมิภาค จากลักษณะที่เรียกว่า "กินเมือง" เป็นการปกครองแบบ "เทศาภิบาล" โดยให้รวมเอาหัวเมืองเข้าเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม เรียกว่า "มณฑล" ให้รวมอำนาจการบังคับบัญชาขึ้นกับ กระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการ มณฑลเรียกว่า ข้าหลวงเทศาภิบาล มณฑลนครชัยศรีก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2438 ประกอบด้วย เมืองนครชัยศรี เมืองสุพรรณบุรี และเมืองสมุทรสาคร ตั้งที่ว่าการมณฑล ที่เมืองนครชัยศรี การก่อตั้งมณฑลนครชัยศรี นอกจากจะจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการ ปกครองส่วนภูมิภาคแบบใหม่แล้ว ยังเนื่องจากความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โจรผู้ร้ายชุกชุม และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหย่อนความสามารถ เมื่อตั้งมณฑล นครชัยศรีแล้ว ได้จัดการแก้ปัญหาเรื่องความย่อหย่อนของเจ้าหน้าที่บ้านมืองโดย เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ผู้มีความสามารถเข้มแข็งในทางราชการ ออกไปจัดการบ้านเมือง ให้เรียบร้อย ปราบปรามโจรผู้ร้ายให้สงบ นอกจากนี้ได้ตั้งกองกำลัง เรียกว่าพลตระเวน คอยดูแลความสงบเรียบร้อยตามแม่น้ำลำคลองซึ่งเป็นทางสัญจรของราษฎร ทำให้เหตุการณ์สงบลง การจัดตั้งมณฑลนครชัยศรี จึงเป็นผลให้เมืองนครปฐมมี ความสงบมากขึ้น
ภาพ : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki
การสร้างทางรถไฟ
สายเพชรบุรี

     ทางรถไฟสายเพชรบุรี เริ่มเดินรถเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2446 ระยะทางยาว 151 กิโลเมตร ตัดผ่านชุมชนสำคัญคือ กรุงเทพฯ นครปฐม บ้านโป่ง โพธาราม ราชบุรี เพชรบุรี การสร้างทางรถไฟสายเพชรบุรีทำให้ชุมชนบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ เจริญมากขึ้น เพราะการคมนาคมสะดวก การติดต่อกับกรุงเทพฯ และชุมชนอื่น ๆ รวดเร็วขึ้น ที่น่าสนใจ คือ ประชาชนเดินทางไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ได้สะดวกขึ้น

     ก่อนเปิดการเดินรถไฟสายเพชรบุรี ประชาชนในบริเวณเมืองกาญจนบุรี เพชรบุรี นครปฐม นิยมเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ซึ่งอยู่ในท้องที่เมืองกาญจนบุรี ครั้นเมื่อสร้างทางรถไฟสายเพชรบุรีแล้ว ประชาชนจึงหันมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ มากขึ้นเพราะหนทางไปมาสะดวก
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 64-65, 2563)
ภาพ : ทางรถไฟสายเพชรบุรี
ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=157308944871734&set=pcb.157308978205064
พระราชกรณียกิจ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

     พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เสด็จฯ มาประทับเมือง นครปฐมอยู่เสมอ และทรงสนพระราชหฤทัยในองค์พระปฐมเจดีย์เป็นอย่างยิ่งและใน พ.ศ. 2450 ขณะยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดให้สร้างพระราชวังที่ประทับที่เมืองนครปฐม คือ พระราชวังสนามจันทร์ การก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2453 เมื่อเสด็จขึ้นครอง ราชสมบัติแล้ว ได้เสด็จฯ มาทรงประกอบพระราชกรณียกิจ เช่น การเล่นละครโขน ทรงบทพระราชนิพนธ์ ตลอดจนเป็นที่ช้อมรบเสือป่า ทำให้เมืองนครปฐมคึกคักมาก เนื่องจากมีข้าราชการตามเสด็จและซ้อมรบเสือป่า
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 66-67, 2563)
ภาพ : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
ภาพ : เสือป่า
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
สัญลักษณ์
จังหวัด

     ตราประจำจังหวัดนครปฐมเป็นภาพพระเจดีย์องค์ใหญ่ มีพระมหามงกุฎและเลข 4 อยู่ที่องค์เจดีย์ สองข้างเจดีย์เป็น ลายเมฆ และขอบดวงตราเป็นลายกระหนก พระเจดีย์ หมายถึง พระปฐมเจดีย์ซึ่งเชื่อว่าสร้างขึ้นเมื่อ พระโสณะและพระอุตระ เดินทางเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระมหามงกุฎ และเลข 4 หมายถึง พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา โปรดให้สร้างเสริมองค์พระปฐมเจดีย์ให้สูงใหญ่สง่างามยิ่งขึ้น ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน จังหวัดนครปฐมเคยเพิ่มแถบชื่อไว้ตอนบนดวงตรา เพิ่มรูปครุฑไว้ตอนล่างของดวงตรา และใช้อยู่ระยะหนึ่ง ภายหลังได้กลับมาใช้ตราตามแบบของ กรมศิลปากรจนถึงปัจจุบัน
ภาพ : ตราประจำจังหวัดนครปฐมเป็นภาพพระเจดีย์องค์ใหญ่
ที่มา : https://www.nakhonpathom.go.th/content/logo

คำขวัญของจังหวัด
ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน



ต้นไม้
ประจำจังหวัด
ภาพ : ต้นจัน
ที่มา : https://arit.pbru.ac.th/green2/?q=detail&j=news&d=63ede4ef53393
ลักษณะภูมิประเทศ

     จังหวัดนครปฐมตั้งอยู่ในภาคกลางตอนล่างบริเวณลุ่มแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำ นครชัยศรี ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่มครอบคลุมบริเวณอำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอบางเลุน และทางตอนใต้ของอำเภอเมืองนครปฐม ส่วนพื้นที่ดอนจะอยู่แถบ ตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองนครปฐม และอำเภอ กำแพงแสน ภูมิประเทศโดยรวม ของจังหวัดนครปฐมจึงมีลักษณะลาดเอียง จากตะวันตกเฉียงเหนือไปทางตะวันออกถึง บริเวณแม่น้ำนครชัยศรีทางทิศใต้

     นครปฐมมีลักษณะภูมิอากาศที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมประจำฤดู เช่นเดียว กับหลาย พื้นที่ในประเทศไทย ฤดูฝนที่ฝนตกชกเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปถึง เดือนตุลาคมอันเป็นอิทธิพล ของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยทั่วไปฝนจะตกชุก มากในช่วงเดือนกันยายน และจะเริ่มหมดในราวเดือนพฤศจิกายน อันเป็นช่วงเวลา เข้าสู่ฤดูหนาวที่จะคงอยู่จนถึงเดือนมกราคม โดยช่วง รอยต่อของปีจะเป็นช่วงที่ อากาศหนาวที่สุด ครั้นเมื่อย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ก็จะเริ่มเข้าช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะไปสิ้นสุดในราวกลางเดือนพฤษภาคม ความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดนครปฐม มีปัจจัยสำคัญประการหนึ่งมาจากแม่น้ำลำคลอง สายต่าง ๆ ที่มีเป็นจำนวนมาก เส้นทางน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนชาวนครปฐม คือ แม่น้ำท่าจีน
ภาพ : แม่น้ำท่าจีน
ที่มา : หอจดหมายเหตุเเห่งชาติ
จังหวัดนครปฐม
ในปัจจุบัน

ที่ตั้ง
     จังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตก ตั้งอยู่บริเวณ ลุ่มแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นพื้นพื้นที่บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยอยู่ระหว่าง เส้นรุ้ง ที่ 13 องศา 45 ลิปดา 10 ฟิลิปดา เส้นแวงที่ 100 องศา 4 ลิปดา 28 ฟิลิปดามี พื้นที่ 2,168.327 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,355,204 ไร่ เท่ากับร้อยละ 0.42 ของประเทศและมีพื้นที่เป็นอันดับที่ 62 ของประเทศ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม 46 กิโลเมตร หรือตามเส้นทางถนนบรมราชชนนี (ถนนปิ่นเกล้า - นครชัยศรี) 51 กิโลเมตร และตามเส้นทางรถไฟ 62 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตต่อดังนี้
ภาพ : แม่น้ำท่าจีน
ที่มา : หอจดหมายเหตุเเห่งชาติ
ทิศเหนือ
ติดต่อกับอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
ทิศใต้
ติดต่อกับอำเภอกระทุ่มแบน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
ทิศตะวันออก
ติดต่อกับอำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางไทร จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา
ทิศตะวันตก
ติดต่อกับอำเภอบ้านโป่ง อำเภอโพธาราราม จังหวัดราชบุรี และอำเภอท่ามะกา อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพ: องค์พระปฐมเจดีย์
ที่มา: Canva
อาชีพ

     ประชากรในจังหวัดนครปฐมประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นสำคัญ ได้แก่ ทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ จังหวังหวัดนครปฐมเป็นที่ตั้งโรงงาน อุตสาหกรรม เป็นจำนวนมาก ประชากรบางส่วนจึงมีอาชีพรับจ้าง
(หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม, หน้า 68-71, 2563)
เขตการปกครอง

     จังหวัดนครปฐมแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ 106 ตำบล 930หมู่บ้าน สำหรับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 5 แห่ง เทศบาลตำบล 20 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 90 แห่ง (เว็บไซต์ จังหวัดนครปฐม, 2568)
ภาพ: เกษตรกร
ที่มา: Canva
ภาพ: พื้นที่จังหวัดนครปฐม
ที่มา: Chatgpt

พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง
ของคำขวัญจังหวัดนครปฐม
คำขวัญจังหวัดนครปฐมมีการปรับเปลี่ยนเรื่อยมา ตามบริบททางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป โดยสามารถแบ่งได้ ดังนี้


คำขวัญฉบับแรกและการสะท้อน
อัตลักษณ์พื้นถิ่น (พ.ศ. 2530)

     คำขวัญในช่วงแรกที่ปรากฏในเอกสารคือ "ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ผ้าดำดี" คำขวัญนี้สะท้อนอัตลักษณ์ของจังหวัดในฐานะ เมืองเกษตรกรรม และหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างชัดเจน คำว่า "ผ้าดำดี" เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ท้องถิ่นที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากในอดีตมีโรงงานย้อมผ้าดำ สำหรับย้อมผ้าดำ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครปฐม
ภาพ: องค์พระปฐมเจดี์ย์

ปัจจัยขับเคลื่อน
การเปลี่ยนแปลง
จาก ผ้าดำ สู่
ข้าวหลามหวานมัน


     ในเวลาต่อมา คำว่า "ผ้าดำดี" ได้หายไปจากคำขวัญ เหลือเพียง "ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย" ก่อนจะมีการเพิ่มเติมคำว่า "ข้าวหลามอร่อย" เข้ามาแทนที่ "ผ้าดำดี" ทั้งนี้การเลือกใช้ "ข้าวหลาม" ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่ได้รับความนิยม เข้ามาแทนที่ผ้าดำที่กำลังจะสูญหายไป แสดงถึงการเปลี่ยนจากการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมอาหารที่กำลัง เป็นที่นิยมในขณะนั้น

     ต่อมาคำขวัญได้มีการปรับอีกครั้งให้ไพเราะยิ่งขึ้น จาก "ลูกสาวสวย" เป็น "ลูกสาวงาม" และจาก "ข้าวหลามอร่อย" เป็น "ข้าวหลามหวานมัน" เพื่อให้คำขวัญ มีความไพเราะและสะท้อนอัตลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

     จากการสัมภาษณ์ อาจารย์สัญญา สุดล้ำเลิศ ข้าราชการบำนาญ กล่าวว่า “ผ้าดำดี” ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวนาในอดีต ได้เลือนหายไปเนื่องจาก ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิต ประกอบกับความนิยมในการทำนาลดลง ทำให้จำนวนผู้ผลิตผ้าดำลดน้อยลงจนยากต่อการหาใช้ อีกทั้งสภาพแวดล้อม และค่านิยมในปัจจุบันเปลี่ยนไป ชาวนาไม่จำเป็นต้องสวมใส่ผ้าดำเหมือนในอดีต เพราะมีวัสดุและเสื้อผ้าสีอื่นที่สามารถใช้ทดแทนได้ การเสื่อมความนิยมดังกล่าว จึงสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านของสังคมชนบทไทยที่ปรับตัวตามยุคสมัย การเปลี่ยนจาก “ผ้าดำดี” มาเป็น “ข้าวหลาม” ในคำขวัญจังหวัดนครปฐม สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและแนวทางการส่งเสริมภาพลักษณ์จังหวัด ที่มุ่งเน้น อัตลักษณ์เชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น โดยจังหวัดนครปฐม มีการจัดประกวดคำขวัญอยู่เป็นระยะ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วมในการกำหนดคำขวัญ ซึ่งแต่ละครั้งจะมีการหยิบยกจุดเด่นของแต่ละอำเภอ มาผสมผสานกัน ข้าวหลามซึ่งเป็นของขึ้นชื่อจึงได้รับการกล่าวถึงบ่อยครั้ง และกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ที่สื่อถึงอัตลักษณ์ร่วมของจังหวัด
ภาพ: ผ้าดำ
ภาพ: ข้าวหลาม

การปรับปรุง
คำขวัญล่าสุด พ.ศ. 2553

มิติทางประวัติศาสตร์
และศาสนา


ในวันที่
16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
จังหวัดนครปฐมได้มีประกาศปรับคำขวัญใหม่เป็น
" ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม
ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี
พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน "
     การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงการสะท้อนอัตลักษณ์ของจังหวัดนครปฐมที่ หลากหลายในทุกด้าน การเพิ่มสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ศาสนาและภูมิศาสตร์ เข้ามาทำให้ คำขวัญฉบับปัจจุบันมีมิติที่หลากหลาย โดยคำขวัญใหม่ของจังหวัดเป็น การสะท้อนถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรมที่ สำคัญของประเทศ ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์ อาจารย์สัญญา สุดล้ำเลิศ ข้าราชการบำนาญ กล่าวว่า การเพิ่มถ้อยคำที่กล่าวถึง “แม่น้ำท่าจีน” ในคำขวัญจังหวัดนครปฐม เมื่อปี พ.ศ. 2553 มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของแม่น้ำสายหลัก ซึ่งเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของชุมชนในจังหวัด อีกทั้งยังต้องการกระตุ้นให้ประชาชน ร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนาคุณภาพน้ำให้คงความสะอาดและยั่งยืน จังหวัดจึงได้จัดตั้ง ชมรมและโครงการต่าง ๆ เช่น “ชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีน” รวมถึงกิจกรรมรณรงค์ ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเก็บผักตบชวา และการรณรงค์ไม่ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัด

ลำดับเหตุการณ์การปรับเปลี่ยน
คำขวัญประจำจังหวัดนครปฐม
การเปรียบเทียบคำขวัญจังหวัดนครปฐมในแต่ละยุคสมัย

พ.ศ. 2530

ลำดับที่ 1

“ ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ผ้าดำดี ”

คำขวัญแรกของนครปฐมสะท้อนความโดดเด่น
ทางการเกษตรและหัตถกรรมที่สำคัญของจังหวัด
ลำดับที่ 2

“ ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ”

"ผ้าดำดี" ถูกตัดออก
เนื่องจากโรงงานย้อมผ้าดำนั้นเสื่อมความนิยม
ลำดับที่ 3

“ ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว
ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน


ปรับ "สวย" เป็น "งาม" และเพิ่ม "ข้าวหลามหวานมัน"
เข้ามาแทน "ผ้าดำดี" เพื่อนำเสนอสินค้าประจำจังหวัด
ลำดับที่ 4

“ ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว
ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน
สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี
พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า


มีการเพิ่ม พระราชวังสนามจันทร์
พุทธมณฑลและ พระปฐมเจดีย์ ขึ้นมา
ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในจังหวัดนครปฐม


ลำดับที่ 5
ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน
สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี
พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน
มีประกาศปรับปรุงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ส.ค. พ.ศ. 2553 เพิ่มคำกล่าวที่สื่อถึง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และภูมิศาสตร์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฐานข้อมูลท้องถิ่น จังหวัดนครปฐม
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม)


การตีความเชิงลึก
ความหมายในแต่ละส่วน
ของคำขวัญปัจจุบัน
คำขวัญจังหวัดนครปฐมฉบับปัจจุบันประกอบด้วย 8 คำ
ที่สะท้อนมิติต่างๆ ของจังหวัดอย่างครบถ้วน สามารถแบ่งการตีความได้ดังนี้


ภาคการเกษตร
และเศรษฐกิจ

"ส้มโอหวาน"

     คำนี้หมายถึงส้มโอคุณภาพดีซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด โดยเฉพาะ ส้มโอพันธุ์ทองดีและพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ซึ่งมีรสชาติหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย และมีเนื้อฉ่ำ สีสวยน่ารับประทาน ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งจาก ชาวไทยและชาวต่างชาติ ส้มโอจึงเป็นผลผลิตที่สร้างชื่อเสียงและมีมูลค่า ทางเศรษฐกิจสูงให้กับจังหวัดมาอย่างยาวนาน
(เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลตะวันตก หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร)
ภาพ: ส้มโอ
ที่มา: Canva
"ข้าวสารขาว"

     คำนี้สะท้อนถึงคุณภาพของข้าวสารที่เพาะปลูกในพื้นที่ลุ่มน้ำของจังหวัด ซึ่งถือเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญ ข้าวสารที่ขึ้นชื่อคือข้าวหอมพันธุ์นครชัยศรี ซึ่งมีลักษณะเด่นคือกลิ่นหอมคล้ายข้าวหอมมะลิ และมีเมล็ดที่ยาว ขาวสวย ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด
(เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลตะวันตก หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2568)
ภาพ: เมล็ดข้าว
ที่มา: Canva

ภาคสังคม
และวัฒนธรรม

"ลูกสาวงาม"

     เป็นคำที่สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในรูปลักษณ์ของผู้หญิงในท้องถิ่น ลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคำขวัญของหลาย ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่ากับความสวยงามทางกายภาพในฐานะ ส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ท้องถิ่น (เว็บไซต์กรมธนารักษ์, 2568)
ภาพ: ลูกสาวงาม
ที่มา: Canva
"ข้าวหลามหวานมัน"

     คำนี้สื่อถึงข้าวหลามที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาการทำอาหารของชุมชน การใช้คำว่า "หวานมัน" เป็นการเน้นย้ำถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความอร่อยของข้าวหลาม ในท้องถิ่นที่แตกต่างจากที่อื่น
(ฐานข้อมูลท้องถิ่น จังหวัดนครปฐม สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม)

ภาคประวัติศาสตร์ ศาสนา
และสถาปัตยกรรม

"สนามจันทร์งามล้น"

     หมายถึงพระราชวังสนามจันทร์ที่สร้างโดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) คำนี้เน้นความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้ จังหวัดนครปฐมเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยว เชิงประวัติศาสตร์และศิลปะ
(หนังสือบรรยายสรุปจังหวัดนครปฐม ปี 2559, 2559)
"พุทธมณฑลคู่ธานี"

     สื่อถึงพุทธมณฑลซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาระดับชาติและเป็น ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของชาวพุทธที่อยู่คู่กับเมืองนครปฐม คำนี้สะท้อน บทบาทของจังหวัดในฐานะศูนย์กลางของพุทธศาสนาในประเทศไทย (เว็บไซต์กรมธนารักษ์, 2568)
"พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"

     คำนี้เป็นการสรรเสริญความสูงใหญ่และสง่างามขององค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในโลก คำว่า "เสียดฟ้า" เป็นการใช้คำที่เกินจริงเพื่อเน้น ย้ำถึงความยิ่งใหญ่และสง่างามของเจดีย์องค์นี้ ซึ่งเป็นศูนย์รวมศรัทธา และประวัติศาสตร์ของจังหวัดมาอย่างยาวนาน (เว็บไซต์หอสมุดรัฐสภา, 2568)

ภาคภูมิศาสตร์
และธรรมชาติ

"สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน"

     คำสุดท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาในคำขวัญเพื่อสะท้อนความสำคัญของแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองนครปฐมและเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ที่สำคัญ การเพิ่มองค์ประกอบทางภูมิศาสตร์นี้ทำให้คำขวัญมีความครบถ้วน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ของจังหวัดนครปฐม (หนังสือบรรยายสรุปจังหวัดนครปฐม ปี 2559, 2559)

การวิเคราะห์องค์ประกอบ
และความหมายของ
คำขวัญฉบับปัจจุบัน
ส้มโอหวาน
หมายถึงผลผลิตส้มโอพันธุ์ดีที่ขึ้นชื่อของจังหวัด
โดยเฉพาะพันธุ์ทองดีและขาวน้ำผึ้ง

ข้าวสารขาว
หมายถึงข้าวสารคุณภาพดี โดยเฉพาะข้าวหอมพันธุ์นครชัยศรี
ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอม และเม็ดขาวสวย

ลูกสาวงาม
เป็นการสะท้อนความภาคภูมิใจ
ในความสวยงาม ของสตรีในท้องถิ่น

ข้าวหลามหวานมัน
หมายถึงผลิตภัณฑ์ข้าวหลามซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้าน
ที่มีรสชาติโดดเด่นและเป็นที่รู้จักของจังหวัด

สนามจันทร์งามล้น
หมายถึงพระราชวังสนามจันทร์ที่สร้างโดยรัชกาลที่ 6
ซึ่งมีความงามทางสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางประวัติศาสตร์

พุทธมณฑลคู่ธานี
หมายถึงพุทธมณฑล สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่เป็น
ศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวพุทธ ในจังหวัดและระดับชาติ

พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า
สรรเสริญความสูงใหญ่และสง่างามขององค์พระปฐมเจดีย์
ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในโลกและเป็นศูนย์กลางทางศรัทธา

สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน
เน้นความสำคัญทางภูมิศาสตร์และความงามของแม่น้ำท่าจีน
ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัด


สรุปและบทวิเคราะห์
เชิงสังเคราะห์
     การเปลี่ยนแปลงของคำขวัญจังหวัดนครปฐมสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา โดยเริ่มต้นจากคำขวัญที่เน้นความโดดเด่นของการเกษตร และหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น "ส้มโอหวาน" "ผ้าดำดี" ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมในช่วงเวลานั้น

     เมื่อท้องถิ่นมีการเปลี่ยนแปลง คำขวัญก็ได้ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาเช่นกัน ต่อมาใน พ.ศ. 2553 มีการเปลี่ยนแปลงคำขวัญ โดยเพิ่มเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และภูมิศาสตร์เข้ามาในคำขวัญ ทำให้คำขวัญปัจจุบันมีการสะท้อนถึงมิติที่ หลากหลายยิ่งขึ้นที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดในฐานะแหล่งเกษตรกรรม อาหาร การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชั้นนำอีกด้วย
(ฐานข้อมูลท้องถิ่น จังหวัดนครปฐม สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม, 2568)

แหล่งอ้างอิง
เว็บไซต์ Sanook. ความเป็นมาของจังหวัดนครปฐม. พ.ศ. 2567. (ออนไลน์). https://www.sanook.com/campus/1413199/
ศูนย์ข้อมูลตะวันตก หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร. ประวัติความเป็นมาจังหวัดนครปฐม. (ออนไลน์). http://www.snc.lib.su.ac.th/westweb/?p=323
กรมศิลปากร. หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่มที่ 26 จังหวัดนครปฐม สำนักวรรณกรรม เเละประวัติศาสตร์, หน้า 56-71. พ.ศ. 2563. เว็บท่ากรมศิลปากร. (ออนไลน์). https://www.finearts.go.th/.../22415-ปกิณกศิลปวัฒนธรรม-เล่ม-26-จังหวัดนครปฐม
จังหวัดนครปฐม. ข้อมูลจังหวัดนครปฐม. (ออนไลน์). https://www.nakhonpathom.go.th/content/information
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. ฐานข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดนครปฐม. (ออนไลน์). https://arit.npru.ac.th/npdata/index.php?act=6a992d5529f459a44fee58c733255e86&lntype=editor_left&slm_id=1791
สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครปฐม. เกี่ยวกับจังหวัด. (ออนไลน์). https://nakhonpathom.treasury.go.th/th/about/
หอสมุดรัฐสภา. ตราสัญลักษณ์และคำขวัญประจำจังหวัดนครปฐม. (ออนไลน์). https://library.parliament.go.th/th/digest/digest-2564-jun37 library.parliament.go.th
หนังสือบรรยายสรุปจังหวัดนครปฐม ปี 2559. ไฟล์ PDF. (ออนไลน์). https://www.nakhonpathom.go.th/files/com_news_describe/2016-06_abd0f2a5f6240e7.pdf